top of page

ถ้ำเขามรกต

เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเฉลิมพระเกียรติฯ 3 องค์ ภายในถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ และสี่ธาตุกายสิทธิ์ ซึ่งประกอบด้วยธาตุศักดิ์สิทธิ์ 4 อย่าง คือ พระบรมสารีริกธาตุ หยก ปรอท พญาสมิงเหล็ก ได้ประดิษฐานในถ้ำมรกตนี้ รวมทั้งหลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังษี ฤาษีเดินดง ฤาษีนารอด ฯ นับเป็นสิริมงคลอย่างสูงยิ่งสำหรับผู้ที่ได้มีโอกาสสักการบูชาสี่ธาตุกายสิทธิ์สักครั้งหนึ่งในชีวิต

แดนสุขาวดี

แดนสุขาวดี  หมายถึงดินแดนที่มีแต่ความสุข  ปราศจากทุกข์ เป็นสวรรค์ที่งามวิจิตร  ดารดาษไปด้วยไพโรจนรัตน์  มีภูเขารัตมณีเรียงรายดุจกำแพงแก้ว  มีสระโบกขรณี  7  สระ  ที่กว้างใหญ่ไพศาล  ผู้ใดมาเกิดในแดนสุขาวดีจะอุบัติขึ้นในดอกบัวดอกใดดอกหนึ่งในสระใดสระหนึ่งแดนสุขาวดีจึงได้ได้ชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า “ ดินแดนแห่งดอกบัว”  พื้นที่วัดจีนจึงนิยมวาดลายดอกบัวและใบบัวเพื่อสมมติว่า วัดเป็นแดนสุขาวดี แดนสุขาวดีอยู่ห่างจากโลกไปทางทิศตะวันตกราวหกแสนโกฏิ-สวรรค์  ชาวจีนเรียกสวรรค์แห่งนี้ว่า “ฮุดโจ๊วไชที”  แปลว่าสวรรค์ทางทิศตะวันตกของพระพุทธองค์  มีองค์มติตาภพพุทธเจ้าปกครอง  พระโพธิสัตว์สัตว์กวนอิมเป็นอัครสาวกเบื้องขวา  พระมหาสถามปราปด์มหาโพธิสัตว์ (พระโพธิสัตว์ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์)  เป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย  พร้อมด้วยพระมหาโพธิสัตว์  พระโพธิสัตว์  และพระอรหันต์อีกมากมายเหลือคณานับดุจเม็ดทรายในมหาสมุทร

ที่ด้านหน้าประตูสุขาวดีจะมีท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้า เพื่อให้ผู้ที่มาเที่ยวชมที่ดวงไม่ดี มีเคราะห์ถูกลมเพลมพัด อธิษฐานขอบารมีท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่แผ่บารมีสลายสิ่งอัปมงคลทั้งหลายในตัวเราให้หมดสิ้นไป เมื่อก้าวผ่านประตูสุขาวดีเข้ามาแล้วท่านจะได้กราบสักการบูชาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกมากมายภายในแดนสุขาวดี ได้แก่ แปดเซียนผู้ยิ่งใหญ่ พระยูไล พระเมตไตรยโพธิสัตว์ ลานบูชาฟ้าดิน วิหารพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ปางพันเนตรพันกร พระเวทโพธิสัตว์(อุ่ยท้อผ่อสัก) เจ้าแม่กวนอิมสี่ปาง 

เจ้าแม่กวนอิม​หยกขาว

องค์เจ้าแม่กวนอิมแกะสลักจากหยกขาวประทับนั่งบนดอกบัวที่มีขนาดใหญ่และสวยงามองค์หนึ่งของเมืองไทย เหมาะสำหรับอธิษฐานขอพร ขอโชค

ขอลาภ ขอให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข พระแม่กวนอิมประทับบนดอกบัวเป็นปางประทานพรหลังจากสำเร็จโพธิจิตแล้ว และการที่ประดิษฐอยู่โดดเด่นปราศจากวิหารครอบคลุมนั้น เพราะความเชื่อหยกขาว เป็นหนึ่งในสี่ธาตุกายสิทธิ์ของโลก สามารถดูดซับพลังจากสุริยัน จันทราได้

แดนพราหมณ์-ฮินดู

เป็นการจำลองเขาไกรลาสซึ่งเป็นที่ประทับของมหาเทพ-มหาเทวี ที่ศาสนิกชนในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูให้ความเคารพและกราบไหว้บูชาขอพร ซึ่งมีลักษณะประเภทพหุเทวนิยม อันประกอบด้วย พระศิวะมหาเทพ พระพรหม พระพิฆเนศวร พระกฤษณะมหาเทพ พระวิษณุกรรมมหาเทพ พระนารายณ์มหาเทพ พระศรีมหาอุมาเทวี พระสุรัสวดีเทวี พระลักษมีเทวี ซึ่งมหาเทพ-มหาเทวีแต่ละพระองค์ก็จะมีคนหลากหลายสาขาอาชีพที่สักการบูชาบูชาขอพร เพื่อให้บังเกิดความเจริญรุ่งเรืองและความสำเร็จในอาชีพที่ทำอยู่ เช่น พระพิฆเนศ พระวิษณุกรรม พระพรหม พระศรีมหาอุมาเทวี พระลักษมีเทวี ตามความเชื่อและศรัทธาของแต่ละบุคคล

แดนมหายานเต๋า

แดนมหายาน-เต๋านับเป็นแดนที่สำคัญอีกแดนหนึ่งที่ควรเข้าไปกราบไหว้ขอพรปรมาจารย์ และเทพเจ้าอีกหลายองค์ที่น่าสนใจ เช่น เล่าจื้อ ขงจื้อ พระอรหันต์จี้กง ปรมาจารย์ตั๊กม้อ ไท้เสียงเล่ากุน เป็นผู้มีตบะบารมีและเป็นอาจารย์ของแปดเซียน เง็กเซียนฮ่องเต้ ผู้เป็นใหญ่แห่งสวรรค์ เทพเจ้าแห่งดวงดาวไท้แปะกิมแซ เทพเจ้ากวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ ไฉ่ซิงเอี๊ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ฮก ลก ซิ่ว ซึ่งผู้คนทั่วไปนิยมนำไปสักการบูชาตามบ้านที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และร้านค้า เพื่อนำความโชคดีมาสู่เคหะสถาน ที่พักอาศัย 

แดนห้าแม่ผู้ยิ่งใหญ่

การสร้างห้าแม่ผู้ยิ่งใหญ่ที่โลกลืม อันประกอบด้วย แม่พระธรณี แม่พระคงคา แม่พระโพสพ แม่พระเพลิง แม่พระพาย เพื่อให้ศาสนิกชนได้ระลึกถึงพระคุณห้าแม่ที่มีพระคุณต่อมนุษยชาติและสรรพสัตว์ทั้งหลาย เราควรที่จะสักการบูชาเพื่อขอบพระคุณต่อห้าแม่ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวที และบังเกิดความเป็นสิริมงคลความเจริญรุ่งเรืองต่อผู้ที่สักการบูชาท่าน

แดนหุบเขาสี่อริยสงฆ์

แดนอริยสงฆ์หรือหุบเขาสี่อริยสงฆ์ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางรำพึง และพระอริยสงฆ์ทั้งสี่ภาคของประเทศไทย คือ
ภาคเหนือ ครูบาศรีวิชัย
ภาคอีสาน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ภาคกลาง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
ภาคใต้ สมเด็จพระสังฆราชคูรูปาจารย์ (หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด)
และได้จำลองน้ำตกทั้งสี่ภาคที่พระอริยสงฆ์แต่ละองค์ได้บำเพ็ญสมาธิจิตในสมัยที่มีสังขาร

แดนพุทธเกษตร

มีความเชื่อกันว่าแดนพุทธเกษตร หรือสวรรค์ชั้นดุสิตเป็นที่สถิตของเทพพรหมบรมครู และพระโพธิสัตว์ผู้ที่จะมาประสูติตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ภายในแดนพุทธเกษตรนี้ได้สร้างพระพุทธรูปประจำวันเกิดให้บูชา ซึ่งคนสมัยโบราณเชื่อกันว่า ถ้าผู้ใดมีพระประจำวันเกิดไว้สักการบูชาแล้วจะบังเกิดความเป็นสิริมงคล เจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จในชีวิต โดยมีพระประจำวันเกิดทั้ง 7 วันดังนี้

1. ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ บูชาพระปางถวายเนตร
2. ผู้ที่เกิดวันจันทร์ บูชาพระปางห้ามญาติ
3. ผู้ที่เกิดวันอังคาร บูชาพระปางไสยาสน์
4. ผู้ที่เกิดวันพุธ บูชาพระปางอุ้มบาตร
5. ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี บูชาพระปางนั่งสมาธิ
6. ผู้ที่เกิดวันศุกร์ บูชาพระปางรำพึง
7. ผู้ที่เกิดวันเสาร์ บูชาพระปางนาคปรก

โดยมีการจัดทำคำพยากรณ์ประจำวันเกิดให้ท่านอ่านพิจารณาพร้อมทั้งคาถาบูชาพระประจำวันเกิดของแต่ละวันให้สวดบูชาอีกด้วย

แดนมิตรต่างดาว

เป็นสถานที่ให้ท่านเข้าไปศึกษาและค้นหาคำตอบเรื่องของจักรวาล เรื่องของมนุษย์ต่างดาวและชมภาพอนันตจักรวาลที่มีแห่งเดียวในโลกเท่านั้น  ที่จะทำให้ท่านเข้าใจเรื่องของจักรวาลต่างๆ   สัมผัสความลี้ลับของแต่ละจักรวาลที่นักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์กำลังค้นหาคำตอบกันอยู่ รวมถึงความเป็นอยู่ของมนุษย์จักรวาลอื่น รวมถึงเรื่องของพระเจ้า และเทพพรหมในดินแดนอันเป็นทิพย์ที่จะทำให้ท่านเข้าใจเรื่องของจักรวาล พร้อมทั้งได้คำตอบทั้งทางวิทยาศาสตร์และวิญญาณศาสตร์ ณ ดินแดนแห่งอนาคตนี้

แดนสิบสองนักษัตร

เป็นที่ประดิษฐานของเทพประจำปีเกิดสิบสองนักษัตรประทับนั่งอยู่บนนักษัตรทั้งสิบสองปีเกิดตั้งแต่ปีชวดจนถึงปีกุน และที่ด้านหน้าแท่นประดิษฐานของแต่ละนักษัตรจะมีคำพยากรณ์ปีเกิดให้ท่านได้อ่านพิจารณา

ศาลาบูรพาอาจารย์

ศาลาอเนกประสงค์เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช พระแก้วมรกตจำลอง พระพุทธรูปหยกขาว อุ่ยท้อผ่อสัก พระสยามเทวาธิราช เป็นที่ตั้งของสำนักงานทูตสันติภาพแห่งโลกและห้องบูรพาจารย์ ซึ่งเป็นห้องที่สานุศิษย์ได้ร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อรำลึกและรวบรวมผลงานของท่านทูตสันติภาพฯ (พระอริยวังโสภิกขุ) ในการทำงานด้านศาสนาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีของศาสนิกชนของแต่ละศาสนา ในอันที่จะสร้างสันติสุขและสันติภาพอันแท้จริงให้เกิดขึ้นในโลกมนุษย์ พร้อมทั้งใบประกาศเกียรติคุณของผู้นำประเทศและองค์กรต่างๆที่มอบให้กับท่านทูตสันติภาพฯในสมัยที่ยังเป็นฆราวาส

อาคารบรมครู

เป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นสำนักงานและจัดแสดงโมเดลของอุทยานฯ ชั้นบนประดิษฐานพระพุทธรัตนะ พระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย หลวงปู๋ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร(เจ้าแม่กวนอิม) และเป็นที่เก็บสังขารพระอริยวังโส ที่มรณภาพตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2548 จนถึงปัจจุบัน สังขารท่านไม่เน่าเปื่อย

อาคาร 72 พรรษา

เป็นอาคาร 4 ชั้น สำหรับจัดแสดงนิทรรศการศาสนาของโลก แห่งเดียวในเอเชียและแห่งที่สามของโลก จัดแสดงพระพุทธรูป พระศาสดา และพระเจ้า พร้อมทั้งวัตถุมงคลอันศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละศาสนาทั่วโลกที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน จัดแสดงไว้เป็นหมวดหมู่ให้ท่านได้ศึกษาหาความรู้ในหลักคำสอนของแต่ละศาสนา ภายในอาคารประกอบด้วย
ชั้นที่ 1 ประชาสัมพันธ์
ชั้นที่ 2 นิทรรศการ 12 ศาสนาของโลก
ชั้นที่ 3 นิทรรศการศาสนาพุทธ ฝ่ายมหายาน
ชั้นที่ 4 นิทรรศการศาสนาพุทธ ฝ่ายหินยาน

ลานปฏิบัติธรรม

วิหาร ตี่ จ่าง อ๊วง

“คนจีนเรียกว่า “ ตี่ จ่าง อ๊วง “ พระองค์ท่านมีปณิธานคล้ายคลึงกับพระแม่กวนอิม คือพระองค์ ท่านต้องการจะโปรดสัตว์ที่อยู่ในนรกให้หมด ด้วยการตั้งปณิธานว่า “ ตราบใดนรกโลกยังมีวิญญาณมาเสวยกรรมอยู่ในนรก ตราบนั้นท่านจะไม่ขึ้นจากนรก “ ตำนานกล่าวว่าพระกษิติครรภ์เกิดในดินแดนที่ปัจจุบันเรียกว่ามองโกเลีย เดิมชื่อ “ หมกเอี๊ยง “ วันหนึ่งผู้เป็นบิดาป่วยหนัก มารดาจึงไปบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าถ้าหายป่วย แล้วจะกินเจตลอดชีวิต แต่พอวันรุ่งขึ้นผู้เป็นบิดาก็ตาย มารดาจึงเกิดความแค้น ไม่ยอม เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกไม่ไหว้เจ้าไม่กินเจหันกลับไปกินเนื้อสัตว์โดยเฉพาะเนื้อหมา และ เนื้อแมวเมื่ออายุได้ ๑๘ ปี มารดาเสียชีวิตลงมีลางสังหรณ์ว่า มารดาต้องตกนรกขุมลึก จึงได้ไปบวชเป็นพระแล้วปฏิบัติธรรมจนสามารถ ถอดจิตวิญญาณ บุกนรกถึง ๑๘ ขุม เพื่อไปช่วยแม่ ได้เห็นวิญญาณที่ถูกทรมานอย่างน่าหวาดเสียวและทุเรศท่านจึง ตั้งปณิธานว่า เมื่อท่านสำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์และทิ้งขันธ์แล้วท่านจะไปโปรดสัตว์ ในนรกโลก เพราะถือว่าสัตว์นรกนั้นน่าเวทนาที่สุด ทรมานที่สุด ท่านโปรดสัตว์ อยู่ในนรกโลกนานถึง ๗ กัป ๑ อสงไขยแล้วในงานศพจึงนิยมบูชาท่าน แล้วก็เลยกลายเป็นประเพณี ในงานศพ จะต้องบูชาท่าน ส่วนงานมงคลนิยม บูชา พระแม่กวนอิมจนกระทั่งเกิดคำว่า "พระกวนอิมโปรดคนเป็น พระตี๋จั๋งโปรดคนตาย" รูปของพระองค์ท่านมักจะสวมหมวก ซึ่งเรียกว่า “ มาลา ๕ พระองค์ “ เนื่องจากการ ประกอบพิธีโปรดสัตว์นรกนิยมใช้หมวกนี้ และโดยที่ท่านมีปณิธานโปรดสัตว์นรกมาก ก็เลยวาดท่านเป็นพระที่กำลังสวมหมวก ประกอบพิธีโปรดสัตว์นรก

PS

© Copyright 2023. เพจนี้ทำขึ้นเพื่อเป็นหนึ่งในกลยุทธ์IMCแผนการตลาดBrandageเท่านั้น : By กลุ่มโป๊ยเซียน

  • w-facebook
  • w-tbird
bottom of page